ศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง หลักที่ 1 (The King Ram Khamhaeng Inscription)

จารึกของพ่อขุนรามคำแหง เป็นศิลาจารึกหลักสี่เหลี่ยมด้านเท่าทรงกระโจมหรือทรงยอ วัตถุจารึกเป็นหินทรายแป้ง ขนาดกว้างด้านละ ๓๕ เซนติเมตร สูง ๑๑๑ เซนติเมตร เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๖ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะผนวช ทรงพบจารึกของพ่อขุนรามคำแหงที่เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ระหว่างเสด็จจาริกธุดงค์ พร้อมกับศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงและพระแท่นมนังคศิลาบาตร ปัจจุบันจารึกของพ่อขุนรามคำแหงเก็บรักษาและจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
จารึกของพ่อขุนรามคำแหงจารึกขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๓๕ ด้วยอักษรไทย ภาษาไทย จำนวน ๔ ด้าน ด้านที่ ๑ และด้านที่ ๒ จารึกด้านละ ๓๕ บรรทัด ด้านที่ ๓ และด้านที่ ๔ จารึกด้านละ ๒๗ บรรทัด
ด้านที่ ๑ กล่าวถึงพระราชประวัติพ่อขุนรามคำแหงหรือพระรามคำแหง บอกกล่าวลักษณะของเมืองว่าสมัยพ่อขุนรามคำแหงนั้นเมืองสุโขทัยในน้ำมีปลาในนามีข้าว เป็นต้น พลเมืองมีเรื่องเดือดร้อนใจก็ไปลั่นกระดิ่งที่พ่อขุนรามคำแหงเจ้าเมืองแขวนไว้ได้
ด้านที่ ๒ กล่าวว่าพ่อขุนรามคำแหงตัดสินความอย่างตรงไปตรงมา สภาพแวดล้อมในเมืองสุโขทัยนั้น ปลูกป่าหมากป่าพลูทั่วเมือง พ่อขุนรามคำแหงและผู้คนในเมืองรักในการให้ทาน ถือศีล มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา กลางเมืองสุโขทัยนี้มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง พ่อขุนรามคำแหงให้ทานแก่มหาเถร
ด้านที่ ๓ กล่าวถึงทิศต่าง ๆ ของเมืองสุโขทัย เช่น เบื้องตีนนอนหรือทิศเหนือมีตลาด มีพระอจนะ มีปราสาท พ่อขุนรามคำแหงมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา
ด้านที่ ๔ กล่าวว่าพ่อขุนรามคำแหงลูกพ่อขุนศรีอินทราทิตย์นั้นเป็นขุนในเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัย พ.ศ. ๑๘๒๖ (มหาศักราช ๑๒๐๕) พ่อขุนรามคำแหงประดิษฐ์อักษรไทย ท่านเป็นท้าวเป็นพระยาแก่ไทย (ไท) ทั้งหลาย เป็นครูอาจารย์สั่งสอนไทย (ไห) ทั้งหลายให้รู้บุญรู้ธรรม มีเมืองกว้างช้างหลาย ปราบเมืองในทิศต่าง เช่น ทิศใต้ (เบื้องหัวนอน) ถึงคนที พระบาง แพรก สุพรรณภูมิ ราชบุรี เพชรบุรี ศรีธรรมราช ฝั่งทะเลสมุทร เป็นต้น
ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๖ ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สำคัญ ที่บันทึกและประกาศข้อมูลข่าวสารสาธารณะ และนโยบายของรัฐโบราณให้สาธารณชนรับทราบ และมีผลต่อประวัติของโลกนอกพรมแดนวัฒนธรรมของไทย ทำให้เข้าใจความสำคัญ ของการปกครอง การค้าขาย การติดต่อแลกเปลี่ยนกับชาติต่างๆ ในช่วงเวลาของยุคสุโขทัย มีความสมบูรณ์ ในตัวเอง นับเป็นเอกสารสาธารณะที่หาได้ยากยิ่ง
ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำโลก วันที่ 16/10/2546
ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำประเทศไทย วันที่ 21/12/2558
หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง
หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง
หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ด้านที่ 1
หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ด้านที่ 2
หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ด้านที่ 3
หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ด้านที่ 4